การที่พวกเราไปทดลองลงพื้นที่เพื่อนำปรัชญาขององค์ในหลวง ไปสอนคนตะเพิ่นคี่ จากคำเชิญของกลุ่ม “หนึ่งคนให้หลายคนรับ” ของคุณ Hana Batake ทำให้ผมเห็นวิกฤติหนึ่งที่ต้องรีบช่วยกันแก้ไข ด่วนมาก
พลังงานทดแทน โดยเฉพาะ Solar Electricity เป็นพลังงานทดแทนที่ต้องได้ใช้กันเร็วๆ นี้ เป็นเทคโนโลยีที่มีมานานมากๆ แล้ว แต่พวกเราแม้แต่คนที่ใช้คอมพิวเตอร์ประจำก็รู้แค่ เอาไปตากแดดแล้วได้ไฟฟ้าใช้ กรณีที่ผมจะกล่าวถึงคือ Solar Photovoltaic ก็คือแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งปัจจุบันที่ตะเพิ่นคี่มีทุกบ้าน
ณ วันที่เขียน ที่โรงเรียนมีแผงโซล่าขนาด 135 วัตต์ x 12 แผงใช้กับ
- ทีวี 14 นิ้ว 2 เครื่อง
- ชุดรับดาวเทียมไกลกังวล
- คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง
- หลอดไฟ Fluorescent 36W 5 หลอด
ก่อนขึ้นไปดำเนินการผมได้สำรวจตรวจสอบ ว่าระบบยังจัดว่าซ่อมบำรุงเล็กน้อยก็จะกลับมาใช้ได้ ขนาดแผงเพียงพอที่จะใช้งาน ถ้าใช้อย่างเหมาะสม ในขณะที่ครูมนัส จะย้ำว่าเสีย เสื่อม เก่าแล้ว ไม่เพียงพอ ของบซื้อใหม่แล้ว แต่ได้งบมาเพียง ล้านกว่าบาท ไม่พอ อยากให้ช่วยเขียนโครงการเพื่อขอใหม่ให้พอ ตามใบเสนอราคานี้ มูลค่างานเพิ่มคือ 2.8 ล้านบาท
คือต้องการแผงอีก 135W อีก 88 แผง ถึงตรงนี้ คำถามคือ โรงเรียนตะเพิ่นคี่ จำนวนนักเรียน 26 คน ขนาด 3 ห้องเรียน ต้องใช้เท่าไหร่ และเมื่อต้องลงทุนมากขนาดนี้เทียบกับเครื่องปั่นไฟและลากสายไฟขึ้นมา 15km ในระยะยาว ควรเลือกอย่างไร
ต้องดูครับ สิ่งที่สอบถาม ดูรายละเอียดการคำนวนประกอบใบเสนอราคา คือ
- คอมพิวเตอร์ 4 เครื่อง
- หลอดไฟ Fluorescent 36W 20 หลอด
- ตู้เย็น 1 ตู้
- เครื่องปั่นนมถั่วเหลือง 1 เครื่อง
เท่านี้แหละครับ ลองเดาดูว่า ถ้าเป็นบ้านพวกเราในเมืองที่มีไฟฟ้า เงินประมาณ 3-4 ล้านรวมของเก่า จ่ายค่าไฟได้กี่ปี ?
ทางเลือกที่ 1 การถางป่าเพื่อลากสายไฟมาใช้แค่นี้ ระยะทาง 15 km ทำไม่ได้ในเขตอุทยานและไม่ควรทำ ไม่คุ้มค่ากับต้นไม้ที่ต้องตัดทิ้ง ไม่ต้องลองคำนวนเลยครับ กรณีนี้
ทางเลือกที่ 2 คือปั่นไฟฟ้าด้วยน้ำมัน Diesel ซึ่งหาได้สะดวก เมื่อเทียบกับด้วยก๊าซ CNG หรือ LPG
ต้นทุนคิดที่ Diesel ลิตรละ 32 บาท หรือ Bio Diesel(ตามพระราชดำริ) ยิ่งดี ปีหนึ่งจะใช้เงินค่าน้ำมันประมาณ 30,000 บาท
ซื้อเครื่องปั่นไฟแบบ Inverter ราคาประมาณ 4-6 หมื่นบาท สามารถใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าตามบ้านได้ ไม่เสียและประหยัดน้ำมัน ซื้อใหม่ทุก 3-5 ปีก็ได้
ทางเลือกที่ 3 คือใช้ระบบโซล่าเซล ก็ได้ครับจะแพงกว่าทางเลือกที่ 2 แน่นอน ยกเว้นปรับอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับระบบโซล่าเซลด้วย เดี๋ยวลงรายละเอียดอีกทีนะครับ
ขออันเชิญหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่สำคัญอันหนึ่งคือ “เทคโนโลยี เหมาะสม” ผมจะบอกว่าตอนนี้อาจารย์กำลังเข้าใจผิด และไม่รับฟังคนธรรมดาอย่างผม แต่ไม่เป็นไร ผมอธิบายสิ่งที่ผมศึกษาและเข้าใจให้ทุกท่าน ไว้เผื่อใครสามารถแก้ไขได้ หรือเป็นประโยชน์กับโครงการลักษณะเดียวกันช่วยดู ด้วยงบเท่าๆ กัน จะทำได้สัก 10 โรงเรียน 10 เท่า!
ในความคิดผมนะครับ ทางเลือกที่ 2 เหมาะสมที่สุด ค่าน้ำมันกรณีซื้อต่อปี น่าจะน้อยกว่าค่าบำรุงรักษารายปีของระบบที่เสนอมาด้วยซ้ำ และชาวบ้านทั้งหมดมีอาชีพทางการเกษตรปลูกข้าวโพด ปลูกมัน น่าจะเอามาทำ เอทานอล ได้ กรณีทำเอทานอลก็ ไปใช้เครื่องปั่นไฟเบนซินแทน และการผลิตเอทานอลจากเศษของผลผลิตก็น่าลองทำอยู่ หรือมีวิธีทำ Bio Diesel ก็ได้ถ้ามีผลผลิตเหมาะสม
ทีนี้ตะเพิ่นคี่ พวกเราได้ขึ้นไปเช็ดถู ซ่อม เดินสายไฟ ซื้อเครื่อง Inverter ขึ้นไปให้ ทำให้อาจารย์เห็นแล้วว่าระบบยังดีอยู่เลย เราเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ประหยัดพลังงานขึ้นไปให้อีก 3 เครื่อง ใช้งานสบายๆ จากที่อาจารย์ต้องการ 4 เครื่อง (ถึงกระนั้นแกก็พูดแต่ไม่พอ ไม่พอ ใช้ไม่ได้) จริงๆ แล้ว ขาดเพียง Inverter ดีๆ หนึ่งตัวราคาประมาณไม่เกิน 20,000 ทุกอย่างจะลื่นไหล และถ้าแก้ไขรายการอุปกรณ์ ดังนี้
- ทีวี 14 นิ้ว 2 เครื่อง --> เปลี่ยนเป็น LED TV 24 นิ้ว (ประมาณสองเครื่อง 14,000)
- ชุดรับดาวเทียมไกลกังวล
- คอมพิวเตอร์ 4 เครื่อง --> มีคอมพิวเตอร์ประหยัดพลังงานแล้ว 3 ชุด สมมติซื้อใหม่หมด 4 เครื่อง (ไม่เกิน 100,000)
- หลอดไฟ Fluorescent 36W 20 หลอด --> เปลี่ยนเป็นหลอด LED จีนชนิดหนึ่งซึ่งผมให้อาจารย์ไว้ลองแล้ว สัก 60 ชุด (40,000)
- ตู้เย็น 1 ตู้ --> เปลี่ยนเป็นตู้เย็นระบบ Linear Compressor (80,000)
- เครื่องปั่นนมถั่วเหลือง 1 เครื่อง
ถ้าทำตามที่ผมแนะนำข้างบน รวมอุปกรณ์ไฟฟ้าที่หาเพิ่มหรือเปลี่ยน ใช้งบ 254,000 สามารถใช้กับแผงโซล่าและแบตเตอรี่เดิมได้เลย เพียงพอ
ทีนี้ใครจะช่วยอธิบายอาจารย์มนัส และช่วยแก้ไขโครงการลักษณะเดียวกันทั่วประเทศได้บ้างครับ
ดูข้อมูลแล้วก็เห็นด้วยกับทางเลือกที่สองนะครับ...รอให้โซล่าร์เซลมันถูกลงกว่านี้ค่อยว่ากันอีกที
ตอบลบ